วันนี้( 4 พ.ค.61)ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า ได้พบกับ นายทองใหญ่ ผ่องใส อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 บ้านขยอง ม. 10 ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้ปรับลุคใหม่ของการทำนา หลังทั้งชีวิต ต้องซื้อปุ๋ยเคมี โดยหันมาใช้ปุ๋ยคอก “ขี้วัว” จากฝูงวัวที่เลี้ยงไว้เพียง 7-8 ตัว ซึ่งปุ๋ยคอก “ขี้วัว”ไม่เพียงแต่จะให้อินทรีย์วัตถุอย่างดีแล้ว ยังมีธาตุอาหารหลัก และธาตุอาหารรอง ที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของข้าว และพืชชนิดต่างๆ แ ยังช่วยให้โครงสร้างของดินที่เสื่อมโทรมกลับมาดีขึ้นอีกด้วย
ดินที่ได้รับการใส่ปุ๋ยคอกบ่อย ๆจะเป็นดินที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชทำให้ดินมีระบายน้ำได้ดีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ช่วยเพิ่มความคงทนให้แก่เม็ดดินเป็นการลดการชะล้างพังทลายของดินและช่วยรักษาหน้าดินไว้อีกด้วย ทำให้ข้าว ปลา และอาหาร ท้องทุ่งนา ปลอดภัยทำให้อยู่ได้อย่างพอเพียง ด้วยการรู้จักลดต้นทุนการผลิต สามารถพึ่งตนเองได้ มีความอยู่ดีกินดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายใหญ่ ผ่องใส อายุ 52 ปี ชาวนา กล่าวว่า ตนเลี้ยงวัว นำมาทำเป็นปุ๋ยคอก ขี้วัว นำมาใส่ที่นาช่วยปรุงดิน โดยเริ่มใช้ปุ๋ยคอกมาประมาณ 2 ปี แล้ว ไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมีอีกต่อไป เพราะที่บ้านเลี้ยงวัวไว้ 7-8 ตัว ปีหนึ่งก็จะมีปุ๋ยคอกไว้พอเพียงสำหรับนำไปใส่ที่นาของตนเองได้หลายไร่ โดยเฉพาะปีนี้มีปุ๋ยคอกที่ได้จากขี้วัวประมาณ 5ตัน ใช้สำหรับใส่ในท้องทุ่งนาประมาณ 15 ไร่ สามารถต้นลดต้นทุนการผลิตได้เป็นอย่างมาก ไม่ต้องไปซื้อปุ๋ยเคมี เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม มีเงินเก็บไว้ใช้ในครอบครัว หากว่าใช้ปุ๋ยเคมี 1 กระสอบ หนักประมาณ 50 กิโล ตกราคากระสอบละ 650-800 บาท ใช้ใส่ได้ที่นาได้เพียง 2 ไร่ หากนำไปใช้กับนา 15 ไร่ ก็ต้องใช้ปุ๋ยเคมี มากถึง 7กระสอบ เป็นเงินถึง 4,550 – 5,600 บาท ตนจึงหันมาทำนาอินทรีย์ ปลอดสารเคมี พึ่งพาตนเอง โดยใช้มูลวัว ปุ๋ยคอก ประหยัด ลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตได้เป็นอย่างดี
ภาพ/ข่าว ประวัติ วันวิญ ผู้สื่อข่าวสุรินทร์นิวส์
เรียบเรียง สมศักดิ์ ตระกูลสุข บรรณาธิการข่าวสุรินทร์นิวส์
ภาพ/ข่าว ประวัติ วันวิญ ผู้สื่อข่าวสุรินทร์นิวส์
เรียบเรียง สมศักดิ์ ตระกูลสุข บรรณาธิการข่าวสุรินทร์นิวส์
Leave a Comment