เมื่อวันที่ (14 ต.ค.61) ผู้ใช้เฟสบุ๊คท่านหนึ่ง (ขอสงวนออกชื่อ) ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า” ตายห่าล่ะคนกำลังจะนอน มีคนทักมาว่า ฉันปัยคุยบ่าวเสยตอนเช้า รถเก๋งสีบรอนด์ มะส่างว่าแท่สู ขอโทษเด้อค่ะในสมองฉันบ่คิดเรื่องชั่วๆแบบนี้ และที่คุณเห็นมันมั่ยใช่ฉัน!! คุณตาฝาดแล้วล่ะค่ะวันๆฉันแทบบ่มีเวลาปัยหาครัยเลย..0000 บักคัก😠😠 ลูกผัวก็มีบ่แหม่นคน//เคียวปานนั่นเด้อสิบอก..ที่เคียดแฮงเพราะมันบ่แหม่นฉันเอามาเว่าด้ายจั่งได๋
ทราบภายหลังว่า เหตุชายทักกล่าวทักพูดมากล่าวคนตนในทางเสียหาย ซึ่งผู้เสียหายได้พูดบอกไปแล้วไม่ใช่ แต่ชายดังกล่าวไม่สนใจในคำพูดตอบกลับ พยายามอธิบายแล้ว ชายดังกล่าวยังส่งข้อความรังควานไม่เลิก จนทำให้หญิงที่ได้รับข้อความทางแชท สุดท้ายทนกับพฤติกรรมชายดังกล่าวไม่ได้ จึงได้โพสต์ลงโซเชียว พร้อมจะดำเนินคดี ฐานหมิ่นประมาท ทำให้เสียชื่อเสียง และก่อความรำคาญ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
ในเรื่องข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นประมาท ไม่เพียงแต่ผู้เสียหายจะแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญาเรื่องหมิ่นประมาท แต่ผู้เสียหายส่วนใหญ่มักจะพ่วงความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยเฉพาะ มาตรา 14 (1)
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
Leave a Comment