คณะราษฏรไทยแห่งชาติ เข้ายื่นหนังสือร้อง ผู้ตรวจการแผ่นดิน และประธานศาลปกครองสูงสุด หวังรักษาสิทธิ์โดยชอบของปวงชนชาวไทย
วันนี้ (5 ส.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.30 น.ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายพลภาขุน เศรษฐญาบดี ผู้ประสานงานคณะราษฎรไทยแห่งชาติ ได้เดินทางยื่นเรื่องร้องเรียน ผู้ตรวจการแผ่นดิน และประธานศาลปกครองสูงสุด หวังรักษาสิทธิ์โดยชอบของปวงชนชาวไทยโดยตรง ตามรัฐธรรมนูญ
นายพลภาขุน เศรษฐญบดี ผู้ประสานงานคณะราษฎรไทยแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้ตนทำหน้าที่หัวแถวภาคประชาชน เป็นปากเสียงของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ในการนำเรื่องร้องเรียนยัง ผู้ตรวจการแผ่นดิน 3 ประเด็นดังนี้ 1.ร้องเรียนเรื่องข้าราชการตำรวจตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรรีดไถแจกข้อหาจ่ายค่าปรับ ภาคประชาชนเดือดร้อนทั่ว และขอเสนอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติเสนอแนะยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้หยุดการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจร เป็นภาระต่อค่าใช้จ่ายค่าครองชีพของประชาชน และขอให้เสนอความเห็นยังคณะรัฐมนตรีในการออก พรก.แก้วิกฤตเศรษฐกิจ และให้จัดตั้งกองทุน เพื่อเยาวชนไทยและครอบครัวขึ้นโดยให้นำเอาค่าปรับทั้งหลายจากประชาชน มาเข้ากองทุนนี้เพื่อใช้จ่ายในกิจการของประชาชน รวมทั้งให้มีการกำหนดระเบียบในการจ่ายรับเงินค่าปรับให้ผ่านบัญชีธนาคารเท่านั้นไม่ให้ไปผ่านมือบุคคลใดที่จะเปิดช่องให้มีการทุจริตได้
โดยเรื่องนี้คณะราษฎรไทยแห่งชาติได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรีแล้วตั้งแต่มิถุนายน 2561 แต่ไม่ได้รับคำตอบและคำชี้แจงใด
2.ร้องเรียนการที่กระทรวงพลังงานออกข้อกำหนดเกี่ยวกับผู้ปฏิบัติในกิจการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นภาระอย่างยิ่งแก่ประชาชน โดยมีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับพรบ.ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง กฎกระทรวง และประกาศ ที่บังคับให้ร้านแก๊สทุกร้าน ปั๊มแก๊ส ปั๊มน้ำมัน ทั่วประเทศ ต้องมีคนที่ผ่านการอบรมประจำ ทุกแห่ง เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ไม่จำเป็นต้องกำหนดเงื่อนไขเช่นนั้น ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปีและปรับถึง 1 แสนบาท เป็นภาระอย่างยิ่ง และเป็นการออกกฎข้อบังคับที่ขัดแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ โดยขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเห็นยังกระทรวงพลังงานให้ระงับการบังคับใช้ในข้อกฎหมายที่เป็นข้อพิพาทนี้ก่อน และขอให้กระทรวงพลังงานทบทวนให้แก้ไขโดยให้ผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพิจารณาแก้กฎหมายตามรัฐนูญมาตรา 77,58
3.ร้องเรียนให้มีการพิจารณา หยุดยั้งขบวนการปล้นบงกชเอราวัณ โดยในการนี้ได้ร้องเรียน การปฏิบัติหน้าที่ของสถาบันตุลาการศาลปกครองที่ไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์และไม่ได้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ถูกต้อง มีการเปิดช่องให้ตุลาการเจ้าของสำนวนใช้ดุลย์พินิจ ที่ขัดต่อระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองฯ ซึ่งผู้ร้องได้มีการร้องให้ตุลาการเจ้าของสำนวน ได้ทราบแล้ว แต่มิได้ทำตามระเบียบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีนี้
ผู้ฟ้อง มีความเห็นว่า เป็นกรณีที่ผู้ถืออำนาจรัฐจงใจใช้อำนาจจากตำแหน่ง อำนวยการให้ทรัพยากรธรรมชาติของชาติไปตกอยู่แก่ในมือ 2 บริษัทเอกชนโดยมิชอบขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา3,25 43 57 58 63
พร้อมกันนี้ได้ยื่นหนังสือยัง ประธานศาลปกครองสูงสุด ในฐานะผู้นำสูงสุดของสถาบันศาลปกครอง ให้รับทราบปัญหาและระเบียบปฏิบัติต่างๆภายในองค์กร ศาลปกครอง ที่ไม่ได้ทันต่อสถานการณ์ไม่สามารถระงับยับยั้งการที่ผู้ถืออำนาจรัฐใช้อำนาจโดยมิชอบได้ทันการณ์ และขอให้ท่านใช้อำนาจในการแก้ไขระเบียบ ขั้นตอน รวมทั้งตรวจสอบการทำงานของตุลาการภายในด้วย
ขณะนี้ต้องยอมรับว่าปัญหาที่กระทบต่อพี่น้องประชาชนมีมากมายในทุกด้าน นั่นเพราะไม่มีตัวแทนที่เป็น มหาราษฎร ทำหน้าที่ช่วยดูแลรับผิดชอบต่อความเป็นไปในสังคมร่วมกัน มากพอ และไม่มีอำนาจในการช่วยเหลือ ระงับ เพียงพอ เท่าทัน และไม่มีใครเป็นส่วนที่รักษาสิทธิ์โดยชอบของปวงชนชาวไทย โดยตรง
จึงขอกราบเรียนให้พี่น้องประชาชนทั่วไปได้รับทราบและขอเชิญชวนผู้ซึ่งพอมีความรู้ มีกำลัง ความเข้าใจ มีความสามารถ และเห็นทางแก้ไขในวิกฤตของสังคมในขณะนี้มาร่วมด้วยช่วยกันในทุกมิติ
ข่าวสนมนิวส์
Leave a Comment