สุรินทร์-ชาวบ้านร้องขอความเป็นธรรม การประเมินผลงานการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน มีเงื่อนงำ
เมื่อวันที่ (27 ส.ค. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อำเภอโนนนารายณ์ ได้มีชาวบ้านค้อ หมู่ที่1 ต.ระเวียง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ ประมาณ 60 คน เดินทางเข้ามายืนหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต่อนายณัฏฐ์กร ศิริผ่องแผ้ว นายอำเภอโนนนารายณ์ และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอโนนนารายณ์
เรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการประเมินผลงานการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านค้อ หมู่ที่1 ต.ระเวียง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.62 จนถึงวันที่ 28 ก.ค.62 และมีการประกาศเมื่อวันที่ 26 ก.ค.62 ที่ผ่านมา โดยมีนายอำเภอโนนนารายณ์เป็นประธาน และมีคณะกรรมการผู้ประเมินผลงานการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งผลการประเมินผลงานให้ผ่าน ทั้งที่ผ่านมานั้นผู้ใหญ่ไม่ทำงานร่วมกับชุมชนชาวบ้าน และคณะกรรม 16 ท่านไม่ให้ผ่าน ส่วน 4 ท่านให้ผ่าน จากคณะกรรมการที่ตั้งไว้ 20 คน
และไม่เคยลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านในการประเมินในครั้งนี้เลย ทำให้ชาวบ้านเคลือบแคลงสงสัยว่าผ่านได้อย่างไร จึงรวมตัวกันออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อ นายณัฏฐ์กร ศิริผ่องแผ้ว นายอำเภอโนนนารายณ์ ให้ชี้แจ้งข้อเท็จจริงในครั้งดังกล่าว
ซึ่งชาวบ้านก็ได้รับการแนะนำจากทางอำเภอว่าถ้าจะไม่เอาจริงๆก็ต้องล่าลายชื้อถอดถอนชาวบ้านจึงร่วมตัวกันล่ารายชื้อถอดถอนครั้งที่1 ในวันที่ 9 สิงหาคม 2560 แต่ก็ไม่เป็นผล และครั้งที่2 ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2561 ก็ไม่เป็นผลเช่นเคย ชาวบ้านจึงร่วมตัวกันร้องทุกข์ไปยังศูนย์ดำลงธรรมจังหวัดเมื่อวันที่31 กรกฏาคม 2561 แต่เรื่องก็เงียบ ล่าสุด 27 ส.ค.62 ชาวบ้านก็ออกมาเรียกร้องขอคามเป็นธรรมอีกครั้ง เมื่อวันที่ 27 ส.ค.62
ในขณะที่แกนนำชาวบ้าน นางลำไย เพ็งพินิจ นำหนังสือเข้ายืนหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต่อนายณัฏฐ์กร ศิริผ่องแผ้ว นายอำเภอโนนนารายณ์ แต่นายอำเภอโนนนารายณ์ ไม่อยู่ติดภารกิจประชุมที่จังหวัด นายกฤทธิ์ เพ็ชรสูงเนิน ปลัดอาวุโส อ.โนนนารายณ์ ออกมารับเรื่องแทน พร้อมรับปากจะเร่งดำเนินการให้ความเป็นธรรม แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำตามขั้นตอนก่อน และจะลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนที่ชาวบ้านจะแยกย้ายกันกลับ
นางลำไย เพ็งพินิจ กล่าวว่า วันนี้เรามาร้องเรียนขอความเป็นธรรม จากท่านนายอำเภอ ในการประเมินผู้ใหญ่บ้านที่ผ่านมา ท่านนายอำเภอส่งประกาศไปแล้วว่าผ่าน คือทางเรายังคาใจในเรื่องกฎระเบียบต่างๆที่ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 20 คน 16 คนประเมินแล้วไม่ผ่าน แต่ท่านนายอำเภอส่งประกาศผลไปว่าผ่าน โดยที่ว่าไม่มีการสอบข้อเท็จจริงอะไรเลย เราเลยข้องใจในปัญหานี้ เราเลยอยากทราบจึงได้พาพี่น้องประชาชนของเรามาเรียกร้องความเป็นธรรมในการประเมิน เราขอข้อเท็จจริง ขอให้ท่านนายอำเภอทำตามระเบียบที่พูดไว้ว่า การประเมินผู้ใหญ่บ้าน มันต้องผ่านการสอบชาวบ้านสอบถามข้อเท็จจริงคณะกรรมการที่ประเมินและก็ชาวบ้านด้วย เราไม่เห็นนายอำเภอทำเราเลยขึ้นมาขอความเป็นธรรม พาชาวบ้านพ่อแม่พี่น้อง คณะกรรมการของเรา ขอความเป็นธรรมจากนายอำเภอ ให้ท่านชี้แจ้งรายละเอียด และขอให้ท่านดูการประเมินผลใหม่ว่ามันจะยังไงข้อเท็จจริง มันต้องคุยกันก่อน ไม่ใช่อยู่ๆท่านก็ประกาศไปตัดสินเอาเองว่าผ่าน โดยที่ท่านไม่ได้สอบสวนชาวบ้านเลย เรามาขอความเป็นธรรม ได้ตอบข้อชี้แจ้งเราอย่างรวดเร็วด้วย ไม่งั้นเราจะมาเยอะกว่านี้อีก ถ้าท่านไม่มาชี้แจ้งให้เราทราบรายละเอียดโดยเร็ว เราจะมาอีก
นางทองดี พุฒจีบ กล่าวว่า การทำงานต้องเป็นขั้นตอน นายอำเภอพูดอย่างนี้ๆ ขั้นตอนที่หนึ่งประชาคม ประชาคมเสร็จแล้วก็ส่งให้นายอำเภอมาไกล่เกลี่ยมาตรวจสอบเอกสาร เสร็จแล้วก็ต้องให้ 16 คน กับ 4 คน มาคุยกันเรื่องผู้ใหญ่ว่าทำไมไม่ผ่านหรือทางนี้ผ่าน ผู้ใหญ่เป็นยังไงสอบสวนทำงานเป็นยังไง ไปคุยกันอีกรอบหนึ่ง แต่ทีนี้ไม่มีการไปพูด แต่ได้ข่าวว่า ติดประกาศแล้วว่าผู้ใหญ่ผ่านการตัดสิน แต่ทีนี้ชาวบ้านไม่ได้พูดเลย พูดง่ายๆว่ายังไม่ได้เถียงกันเลย แล้วผู้ใหญ่ผ่านได้ยังไง ใครเป็นผู้ตัดสิน นายอำเภอเอาข้อมูลมาจากไหนว่าผู้ใหญ่ดี เพราะฉะนั้นชาวบ้านอยู่กับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ต้องอยู่กับลูกบ้าน ลูกบ้านต้องรู้ว่าผู้ใหญ่ความประพฤติผู้ใหญ่เป็นยังไง นายอำเภอไม่ใช่ตามผู้ใหญ่อยู่ตลอดเวลา จะได้รู้ความประพฤติของผู้ใหญ่ การทำงาน ผู้ใหญ่ดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่ที่ชาวบ้าน
ถ้าผู้ใหญ่ไม่ดีเราก็ไม่อยากได้ เราอยากได้ผู้ใหญ่ที่มีการสร้างสรรค์พัฒนาพาหมู่บ้านเดินได้ ชาวบ้านแนะนำอะไร มันควรทำได้ก็พากันทำ ไม่ใช่ปัดๆๆ ฉันไม่ทำๆ ถามหมู่บ้านอื่นสังคมกว้างๆ ช่วยกันสิว่าใครจะเอาผู้ใหญ่แบบนี้มั้ง แล้วน้ำประปาบอกให้หางบประมาณมาแก้ไข ทำได้ไหม 2-3-4 ปีแล้ว เน่า.! หน่วยละ 7 บาท นี่อิฉันได้ซื้อน้ำใช้ใส่โอ่งอาบค่ะ แล้วถามว่าเงินมันหาอยากหรือหาง่าย มันก็หาอยากอยู่นะ แต่ถ้าเรารวมใจกันประชุมทำโน้นทำนี่ ทำไม ผู้ใหญ่ไม่เอาค่ะ แล้วถามว่า จะจับใส่เก้าอี้ไว้ทำไม ฉันเห็นแล้วไม่ผ่าน ผู้ใหญ่แบบนี้ฉันก็ไม่เอา เพราะว่าฉันได้อาบน้ำขี้โคลน หลายอย่างที่แกไม่ผ่าน
ทางด้านนายกฤทธิ์ เพ็ชรสูงเนิน ปลัดอาวุโส อ.โนนนารายณ์ กล่าวว่า ตอนนี้ทางศูนย์ดำรงธรรมได้รับเรื่องจากชาวบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็จะขอลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกทีหนึ่ง ผลเป็นอย่างไรก็จะแจ้งให้ชาวบ้านรับทราบอีกครั้งหนึ่ง ผลที่ผ่านมาก็ยังไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจน เดียวต้องขอลงพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง
หลังจากชาวบ้านยื่นหนังสือและทราบรับข้อตกลง นายกฤทธิ์ เพ็ชรสูงเนิน ปลัดอาวุโส แล้วชาวบ้านจึงแยกย้ายกันกลับ แต่ชาวบ้านได้พาผู้สื่อข่างลงพื้นที่หมู่บ้านค้อเพื่อดูน้ำประปาของหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านบอกว่าไม่สะอาด มีตะกอน ไม่ได้ใส่คลอรีนด้วย และอาบแล้วจะคัน เมื่อไปถึงชาวบ้านได้พาเข้าไปดูโรงผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน ซึ่งมีสระเก็บน้ำ 45 ไร่ ลึก 6 เมตร โดยมีเครื่องสูบน้ำจำนวน 4 เครื่อง แบ่งเป็น 2 ห้อง แต่อีกห้องเสีย ใช้งานได้แค่ 2 เครื่อง ส่วนคลอรีนนั้นไม่มี
ชาวบ้านจึงพาไปที่บ้านเพื่อดูน้ำที่ส่งมาใช้ในบ้านเรือน ซึ่งพบว่าน้ำใสแต่จะมีตะกอนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนใหญ่ชาวบ้านนำไว้เพื่อล้างถ้วยจาน และต้องลองน้ำไว้เพื่อให้ตกตะกอนก่อน ซึ่งชาวบ้านเองก็อยากจะปรับปรุงแก้ไขแต่ผู้นำไม่ทำด้วยจึงเปล่าให้เป็นแบบนี้มาหลายปี อีกทั้งยังเก็บค่าน้ำแพง หน่วยละ 7 บาท
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ทางอำเภอโนนนารายณ์จะเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ระหว่างชาวบ้านค้อ และผู้ใหญ่บ้าน ร่วมถึงการประเมินผลให้ปรากฏที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ข่าวสนมนิวส์
Leave a Comment