ข่าวท้องถิ่น

เกจิดังอีสานใต้ 92 ปี หลวงปู่สอ วัดสัทธารมณ์ (วัดบ้านขาม) สุรินทร์ แค่แชร์ก็มีโชค

เกจิดังอีสานใต้ 92 ปี กับ 72 พรรษา ประวัติหลวงปู่สอ วัดสัทธารมณ์ (วัดบ้านขาม) สุรินทร์
หลวงปู่สอ. ถือกำเนิดในสกุล “งามสะอาด” ณ บ้านขาม อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ตรงกับวัน จันทร์ ที่๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๒ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็ง

บิดา ชื่อ นายทำ มารดา ชื่อ นางสา นามสกุล งามสะอาด ท่านเป็นบุตรคนที่ ๔ ในจำนวนพี่น้อง ๖ คน ชีวิตวัยเด็กของหลวงปู่สอ ซึ่งเป็นบุตรชาย จึงจำเป็นต้องมีภารกิจ โดยช่วยงานในบ้านหลายอย่าง เพื่อแบ่งเบาภาระของบิดา มารดา ในการดูแลเรือกสวนไร่นา เลี้ยงวัว-ควาย ทำนา เป็นต้น

บิดาของท่านก็ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆให้กับหลวงปู่สอเช่นกันและยังพาหลวงปู่ไปฝากให้ เรียนอักขระเลขยันต์กับบรรดาพระเกจิอาจารย์ในสมัยนั้นอีกด้วย เพราะวัดในสมัยก่อนนั้น ก็เปรียบเหมือนโรงเรียนในสมัยปัจจุบัน จวบจนอายุย่างเข้า๑๙ปี ท่านก็ได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดบ้านขาม เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๑

ได้ศึกษาเล่าเรียนกับพระอาจารย์ แสง วัดบ้านขาม เรียนพระธรรมวินัยและวิชากรรมฐานจากหลวงพ่อแสง ศิริปัญโญ ขณะนั้นหลวงพ่อแสงได้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภออยู่ หลวงพ่อแสงท่านนี้เป็นเกจิคนหนึ่งในยุคนั้นที่เก่งมาก มีพุทธคมและวิชาอาคมเป็นอย่างมาก ขนาดคนที่โดนของ แทบเป็นบ้าเป็นหลัง ท่านทำน้ำมนต์ให้อาบยังหายได้ ยิ่งคนไหนที่เดินทางมาจากแดนไกล ท่านสามารถรู้ล่วงหน้าและมายืนรอหน้าวัดโดยไม่ต้องมีใครบอก

เพราะสมัยนั้นการติดต่อสื่อสาร ยากที่จะรู้ล่วงหน้า พอหลวงปู่สอ อายุครบ 20 ปี หลวงปู่แสงท่านมองอนาคตเห็นว่าองค์นี้ล่ะ จะเป็นผู้สืบทอดวิชาจากเขา และจะเป็นตัวแทนท่านในอนาคต ท่านจึงได้สั่งให้หลวงปู่สอไปบอกโยมบิดา ว่าท่านจะบวชเป็นพระให้ หลังจากนั้นท่านได้อุปสมบทเป็นพระเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๒ โดยมีพระครูศรีสัทธารมณ์ (หลวงปู่แสง)สิริปัญโญ

ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านคาถาอาคมและวิปัสสนากรรมฐานเจ้าคณะอำเภอจอมพระ เป็นอุปฌาช์ผู้บวชให้ มีพระอาจารย์ วัง สนฺตติโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ สารี อคฺคญาโน เป็นพระอนุสาสนาจารย์

หลวงปู่สอ ท่านเป็นพระผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียนในด้านวิปัสณากรรมฐานและคาถาอาคม ท่านได้รับการถ่ายทอดและร่ำเรียนจารพระอาจารย์แสงจนหมดสิ้นทุกๆวิชา หลังจากนั้น หลวงปู่แสงก็ได้ให้หลวงปู่สอไปร่ำเรียนวิชากับพระอาจารย์วัง พระอาจารย์วังองค์นี้เก่งและเชี่ยวชาญด้านกรรมฐาน ฝึกจิตเป็นอย่างมาก หยั่งรู้ด้วยญาณ รวมถึงการแก้คุณไสยต่างๆ ได้ศึกษากับพระอาจารย์วัง จนสำเร็จทุกๆวิชา

และหลวงปู่สอ ก็ได้ไปศึกษา อสุภกรรมฐาน ขั้นสูง หมายถึงการบำเพ็ญกรรมฐานโดยการพิจารณาอสุภะหรือพิจารณาร่างกายของตนหรือของผู้อื่นว่าเป็นของไม่งาม ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น แต่เป็นของน่าเกลียด โสโครก เช่นพิจารณาซากศพที่นอนให้เขารดน้ำก่อนใส่โลง ก่อนเผาหรือฝัง มองดูจนกระทั่งเกิดนิมิตติดตาแล้วกลับมานั่งนึกพิจารณาให้เห็นนิมิตนั้นจนเจนใจเหมือนเห็นศพจริง ภาวนาไปจนเกิดปัญญา กับหลวงปู่ดุลย์ และหลวงพ่อสารี จนเชี่ยวชาญ

หลังจากนั้นท่านจึงออกเดินทางไปศึกษาร่ำเรียนกับฆราวาสชื่อดังในยุคนั้นได้แก่ อาจารย์อึ๋ม มั่นยืน จ.บุรีรัมย์ (ฆราวาสปัจจุบันก็เหมือนปู่บุญมา) อาจารย์อิ๋ม ท่านเก่งมากๆ ขนาดช้างตกมันวิ่งเข้ามาหาท่าน เพียงท่านชี้นิ้ว ช้างเชือกนั้นถึงกับหยุดนิ่งและต้องสงบ หลวงปู่สอก็ได้วิชานั้นมาด้วย

มีครั้งหนึ่งหลวงปู่สอเล่าให้ฟังว่า ท่านไปบินฑบาตร ที่หมู่บ้านห่างไกล แต่ขากลับเจอช้าง อยู่ข้างทาง เลยขอขึ้นหลังช้างให้มาส่งที่วัดของท่าน คนธรรมดาคงไม่สามารถขี่ช้างได้ง่ายๆๆ หลังจากท่านศึกษากับอาจารย์อิ๋มครบทุกวิชาแล้ว

หลวงปู่สอ ซึ่งขณะนั้นอายุได้ ๒๒ปี ก็ได้รับอนุญาต จากพระอุปฌาช์ให้ออกเดินธุดงค์ได้ เพื่อฝึกฝนและหาเรียนวิชาเพิ่มเติม ท่านเดินทางจากสุรินทร์ ไปยังวัดหลวงพ่อมุม และได้เรียนรู้วิชาศึกษาการรู้วาระจิตตน และศาสตร์ต่างๆโดยสำเร็จ โดยที่หลวงพ่อมุมถ่ายทอดวิชาให้ด้วยความเต็มใจ

จากนั้นหลวงพ่อมุมให้หลวงปู่สอ เดินทางออกธุดงค์ไปทางกัมพูชา โดยหลวงพ่อมุมบอกหลวงปู่สอว่า มีอาจารย์ที่เก่งรอท่านอยู่ ให้ท่าเดินธุงค์ฝึกวิชาไปเรื่อยๆ จนมาถึงเชิงเขาแห่งหนึ่ง หลวงปู่ได้พบกับ พระภิกษุชรารูปหนึ่ง

ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เขมรและลาว ในระหว่างทาง หลวงปู่ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อร่ำเรียนวิชากับพระอาจารย์ต่างๆที่พบเจอ ระหว่างทางที่ธุดงค์ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นมีพระอาจารย์องค์นึง(ไม่ทราบชื่อ) รู้แต่เพียงว่า เดินธุดงค์มาจาก จ .อยุธยา ได้สอนท่านจารและปลุกเสกตะกรุดและเบี้ยแก้ และสอนกรรมฐานเพิ่มเติม ขณะที่หลวงปู่สอ ท่านเดินธุดงค์อยู่เป็นเวลา๗ปีแล้ว ก็ได้ข่าว ว่าพระอุปฌาช์ของท่านได้มรณภาพลง

ท่านจึงเดินทางกลับวัดบ้านขามและได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดบ้านขามแทน เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ ขณะที่ท่านมีอายุเพียง ๒๗ ปีเท่านั้น ซึ่งท่านก็ได้พัฒนาวัด ช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ได้รับความเดือดร้อน ให้หายจากทุกข์ร้อนเหล่านั้น ตามประสากิจของพระสงค์ตลอดเวลา

อีกทั้งยังได้รับนิมนต์ไปนั่งปรกอธิฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลและเข้าร่วมพิธี พุทธาภิเษกอยู่เสมอๆ เพราะ ท่านเป็นที่นับถือของบรรดาลูกศิษย์อย่างกว้างขวาง ไม่เพียงเฉพาะในประเทศเท่านั้น

ประเทศเพื่อนบ้านเช่น เขมร หลวงปู่ท่านยังเป็นสหธรรมมิกกับพระสังฆราชของประเทศเขรมกับลป.ธรรมรังสี วันพระพุทธบาทเขาพนมดินอีกด้วย ท่านทั้งสองยังไปมาหาสู่พบปะสนทนาธรรมกันอยู่เป็นประจำ อนึ่ง ลป.สอ ท่านจะสรงน้ำชำระร่างกายปีละครั้ง ทุกวันที่ 13เมษายน ของทุกปีเท่านั้น

หลวงปู่ป็นคนมีจิตใจเมตตาตั้งแต่เยาว์วัย โดยบิดาท่านได้อบรมสั่งสอนและปลูกฝัง ให้ปฎิบัติและเคร่งครัดในศีลธรรม ศีล๕ข้อ ท่านก็เชื่อฟังและปฎิบัติตามบิดามาตลอด ในสมัยก่อนตามต่างจังหวัด ลูกผู้ชายต้องมีวิชาคาถาอาคม เพื่อป้องกันตัวเอง บิดาของหลวงปู่สอ ท่านก็เป็นฆราวาสที่มีวิชาอาคม เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในหมู่บ้าน

โดยในปัจจุบันหลวงปู่สอป่วยกาย แต่ไม่ได้ป่วยใจ เสียงล่ำลือว่าจากการป่วยครั้งนี้อาจทำให้ท่านจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่จากวันนั้นมาวันนี้ก็ผ่านมานานแล้ว แม้ยังต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสุรินทร์ตามที่หมอนัดอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ยังมีจิตศรัทธาที่จะสร้างอุโบสถสำหรับภิกษุสงฆ์อีกหลังให้แล้วเสร็จ

ข้อมูลจากหนังสือ นะโม #ข่าวสนมนิวส์

ข่าวสนมนิวส์

Leave a Comment